หนังออนไลน์18 รีวิวหนัง สนุก ย่อยง่าย ไม่ซับซ้อน

หนังออนไลน์18

หนังออนไลน์18 หนัง THE WOLF OF WALL STREET – คนจะร่ำรวยช่วยไม่ได้ | คริสต์ศักราช 2013 (พุทธศักราช 2556) ยังอยู่กันที่ผลงานการแสดงของ Leonardo DiCaprio ในหน้าที่ Jordan Belfort กับหนัง ภาพยนตร์ The Wolf of Wall Street – คนจะมั่งคั่งช่วยไม่ได้ ผลงานการควบคุมของ Martin Scorsese แต่ว่าโอกาสนี้ไม่ใช่เขาที่ Improvise แต่ว่าเป็นดาราหนังร่วมอย่าง Matthew McConaughey ในบท Mark Hanna

มันจะมีฉากนึงเป็นฉากที่ DiCaprio กับ McConaughey แสดงนั่งรับประทานข้าวกัน ซึ่งฉากนั้น McConaughey ได้ตีอกรวมทั้งเริ่มฮัมเพลง ซึ่งจริงๆเป็นการวอร์มอัพของเขาก่อนที่จะเริ่มทำแสดง แม้กระนั้นกล้องถ่ายรูปถ่ายแล้ว กระทั่งทำให้ DiCaprio งงงวยว่า “เฮียเอ็งทำอะไรฟะ” จนถึงหันไปหนีกล้องถ่ายภาพไปมองดูทางอื่น ซึ่งที่จริงแล้วเขากำลังมองดูไปที่ Scorsese ว่ายังยังไงต่อดี ผลที่ตามมา Scorsese บอกให้เล่นถัดไป และก็มันก็เป็นอย่างที่พวกเราได้มองเห็นกันในหนังเนี่ยล่ะ สีหน้าท่าทางสุดฉงงงวยของ DiCaprio ได้บอกทุกๆอย่างไว้หมดแล้ว

Contents

Table of Contents

หนังออนไลน์18หนัง Scream 6 หรือชื่อไทยว่า หวีดร้องสุดๆ 6 คนมีชีวิตรอดจากการฆ่าโหดเหี้ยมของโกสต์เฟสทิ้ง Woodsboro ไว้เบื้องหน้าเบื้องหลัง เพื่อไปเริ่มชีวิตใหม่ใน New York City

ล่วงเลยไปราวๆปีกว่าๆแค่นั้น ตั้งแต่แมื่อภาคต่อ Scream เข้าฉายในปี 2022 มันก็ได้มีภาคต่ออย่างเร็วกับ Scream VI – กรีดร้องเต็มที่ 6 ที่ยังคงสำเร็จหน้าที่ดูแลของ Matt Bettinelli-Olpin แล้วก็ Tyler Gillett เล่าราวต่อจากภาคเก่าเลย ที่ในตอนนี้กรุ๊ปตัวนำได้ย้ายมาอยู่ New York แต่ว่าก็ยังจะต้องประจันหน้ากับการมาแสดงตัวของ Ghostface จุดหมายไล่ล่าสังหารอีกรอบ หนังออนไลน์18

การที่จะดูหนังภาคนี้ให้สนุกสนาน มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะจำเป็นต้องมองภาค 1-5 มาก่อน ด้วยประการทั้งปวง ไม่เช่นนั้นจะมีจังหวะสับสนแน่ๆ ด้วยเหตุว่าในภาคนี้มีการกล่าวถึงนักแสดงเก่ามากอย่างยิ่งจริงๆ การที่ไปตามเก็บเรื่องราวภาคก่อนหน้านี้จะก่อให้รู้เรื่องรายละเอียดผู้แสดงที่หนังภาคนี้เอ่ยถึงเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วก็รู้เรื่องเหตุการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หนังออนไลน์18

เพราะมันเป็นภาคที่ 6 แล้ว ในภาคนี้ตัวหนังก็บากบั่นแหกกฏความเป็นหนังเฉือนภาคต่อ ด้วยการขยับเป็นแฟรนไชส์ที่เป็น Requel คิดกรรมวิธีการเล่าให้มันแตกต่างกันออกไป ที่สำคัญเป็นในภาคนี้ไม่มีการปรากฏตัวของนักแสดง Sidney Prescott ด้วยการขัดกันปัญหาเกี่ยวกับค่าตอบแทนของดาราหนังอย่าง Neve Campbell มันก็เป็นอีกทั้งส่วนดีส่วนเสีย เป็นในด้านจุดเด่นหนังจะได้ move on จากผู้แสดงนี้สักครั้ง ซึ่งจริงๆแอบเชียร์ให้ตายไปเลยในภาค 5 เสมือนอย่าง Dewy ส่วนในด้านจุดด้วยซึ่งมันตัดบทนักแสดงนี้ซนๆกระทั่งทำให้มุมมองต่อตัวละครนี้แปรไป ดูหนังออนไลน์ฟรี

ด้านดาราภายหลังที่ไม่มี Neve Campbell ก็กล่าวถึงนักแสดงใหม่จากภาคที่แล้วมาเล่าต่อ อย่าง Melissa Barrera ในบท Sam Carpenter ที่ก็รับผิดชอบหน้าที่ของตนได้ดิบได้ดี เป็นตัวนำที่มองไม่ราวกับเป็นเหยื่อ มองมีความป่าเถื่อน ส่วนที่น่ากล่าวสรรเสริญไม่แพ้กันเป็นการแสดงของน้อง Jenna Ortega ในบท Tara Carpenter พวกเรามองเห็นการแสดงของคุณมาแล้วใน Wednesday ในหัวข้อนี้ก็เป็นการรับประกันอีกว่าคุณแสดงทางสีหน้าท่าทางได้เก่งจริงๆเป็นไม่มีบทสำหรับพูดพวกเราก็สามารถทราบได้เลยว่าคุณคิดเกี่ยวกับอะไรอยู่ผ่านสีหน้าท่าทางของคุณ ส่วนตัวละครอื่นๆก็มาช่วยเหลือกันเติมเต็มเรื่องราว สร้างความข้องใจ ไม่น่าไว้วางใจได้ดีมากเลยเชียว

ในความเป็นจริงแล้วแฟรนไชส์ Scream เปิดเรื่องก้าวหน้าทุกภาคเลยค่ะ แล้วก็ในภาคนี้ก็ประพฤติดีขึ้นไปอีก เป็นถ้าคนใดกันแน่เคยมองก็เพียงพอจะทายใจได้ล่ะว่ามันกำเนิดอะไรขึ้น ทายใจได้แบบเปิดมาฉากแรกปุบปับทราบเลย แม้กระนั้นหนังมันเหนือไปกว่านั้น! ซึ่งครึ่งแรกของหนังสนุกสนานมากมายจริงๆอีกทั้งการไล่ล่าของ Ghostface ที่พร้อมจะไล่ล่าไล่ฆ่าได้ทุกเวลา นี่เป็นหนัง slasher ที่มีฉากไล่ล่าฆ่าอย่างหนำใจ ชั่วร้าย โหด อาทิเช่นเดิม รวมทั้งยังคงเสน่ห์ในหนทางของตนเอง มีความเป็น Whodunit ทายใจตัวคนร้ายของแฟรนไชส์ตนเองไว้อย่างแจ่มแจ้ง ยังคงเล่นหัวข้อให้ผู้ชมทายใจทางตัวคนร้ายจริงได้ไม่ง่ายได้แก่เดิม

แต่ว่าถึงมันจะพากเพียรแหกกฏอย่างไร ในช่วงหลังราวกับตัวหนังจะเพลเซฟไปสักนิด ยังไม่กล้าเล่นให้สุดกว่านี้ ทั้งยังการเล่าเรื่อง กรรมวิธีเล่า มันก็มีความเป็นหนังตามสูตรตนเองอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งมันให้ความรู้ความเข้าใจสึกราวกับมองภาคเก่าๆมันแบบซึ่งมันก็เป็นมุก เป็นเสน่ห์ที่ควรมีล่ะส่วนประกอบอะไรบางอย่างที่ภาคเก่ามี แต่ว่าเป็นจุดเฉลยคำตอบมันก็มิได้ว้าวหรือเหนือความมุ่งหวังขนาดนั้น มันแปลงเป็นเรื่องราวที่ราวกับจับโยนๆมาให้ผู้ชมเชื่อตามท่านั้น ราวกับอย่างที่ภาคต่อ Scream เป็นมาตลอด แต่ว่าก็น่าชมเชยที่มันยังคงเสน่ห์แฟรนไชส์เอาไว้โดยไม่ออกสมุทรจนกระทั่งกู่ไม่กลับ

หนัง You and Me and Me หรือชื่อไทยว่า คุณกับฉันกับฉัน ในปี คริสต์ศักราช 1999 (พุทธศักราช 2542) ที่ทั่วทั้งโลกกำลังเอ๋ยถึงปัญหา Y2K รวมทั้งข่าวโคมลอยว่าโลกบางทีอาจจะแตกในวันปลายปี ‘ยู-มี’ (ใบปอ ธิติเตียนยา จิระพรศิลป) แฝดวัย ม.ต้น ก็เป็นอีกคู่ที่ไม่ค่อยสบายใจกับอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งสองสนิทรวมทั้งรักกันมากมาย แชร์ทุกสิ่งด้วยกัน กระทั่งต่างเป็นราวกับโลกทั้งยังใบของกันและกัน แต่ว่าแล้ววันหนึ่งเมื่อเด็กชายที่ชื่อ ‘หมาก’ (โทนี่ อันโทนี่ บุยเซอเรท์) ได้เข้ามาในชีวิต พวกคุณก็เลยได้สัมผัสกับ “รักหนแรก..ที่ไม่บางทีอาจแชร์ให้กันได้” ทั้งสองจะจัดแจงกับความข้องเกี่ยวนี้ และก็ก้าวผ่านขณะที่งงงันบนโลกที่ดุจว่ากำลังจะแตกลงไปได้ยังไง ‘คุณกับฉันกับฉัน’ 9 ก.พ.นี้ ในโรงหนัง

You and Me and Me – คุณกัลฉันกับฉัน หนังใหม่จากค่าย GDH บอกเล่าเรื่องราวของสองแฝด “มี” กับ “ยู” ทั้งคู่สนิทกันมากมาย ทำอะไรร่วมกันมาตลอด ตราบจนกระทั่งทั้งสองได้บังเอิญไปพบกับ หมาก ชายที่แปลงเป็นรักแรกพบของทั้งสอง แล้วความเกี่ยวเนื่องคราวนี้จะจบอย่างไร

สิ่งที่น่ากล่าวสรรเสริญสิ่งแรกในเรื่องเป็นตอนแรก ที่หนังโชว์ความเป็นแฝดออกมาได้ดีมากๆเลยเชียว โน่นอาจเกิดจากหนังหัวข้อนี้ดูแลโดยแฝดอย่างคุณ ชาติชั้นวรรณะแววแล้วก็แวววรรณะ หงษ์พัฒนา เขาก็เลยเล่ามันออกมาในมุมมองประสบการณ์ผ่านสายตาของความเป็นคู่แฝดแล้วก็นับว่าเป็นจุดขายอย่างนึงของเรื่องราว ที่ไม่มั่นใจนักว่าบางฉากในเรื่องอิงจากสถานะการณ์จริงของเพศผู้ดูแลเองด้วยมั้ย

จุดขายอีกอย่างเป็นการนำผู้ชมย้อนวันวาน Nostalgia ถึงอดีตกาลในสมัย 1999 ตลอดทั้งเรื่องก็จะมีกิมมิคต่างๆที่ชักชวนให้ระลึกถึงอดีตกาลอยู่ไม่น้อย แม้กระนั้นก็โชคร้ายที่มันเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเล็กๆในเรื่องที่ไม่ได้ผลักดันเรื่องราว เสมือนใส่ให้ทราบว่ามันมีเพียงแค่นั้น แล้วก็ในเวลาเดียวกันบางจุดก็มีความข้องใจว่า “สมัยนั้นมันมีอย่างนั้นจริงๆหรอ”

นี่เป็นหนังที่พวกเรามีความรู้สึกว่าปกติ แบบธรรมด๊าปกติ มันไม่มีอะไรสะดุดตาเลย อีกทั้งเรื่องราว แนวทางการเล่า การนำเสนอ จังหวะของหนังมันค่อนไปทางน่ารำคาญด้วย ตลอดระยะเวลาที่มองคิดอยู่ในหัวเยอะแยะว่าเมื่อไรหนังจะจบ หนังมันมีความไม่มีเหตุผลหลายจุดจนกระทั่งทำให้พวกเราไม่อินไปเลย การตัดสินใจแต่ละอย่างของนักแสดงก็รู้สึกแปลกๆแล้วก็ขัดใจ ราวกับว่ามันเพียงแค่ถูกเขียนเอาไว้ให้เพื่อขับเรื่องไปด้านหน้าแค่นั้น พาร์ทในเรื่องราวความรักมันเลยไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะพาพวกเราอินไปกับเรื่องราวที่ตรงนั้นได้ เป็นตัวบทมันเสมือนจะดีนะ เรื่องราวความรักของคู่แฝด คงจะถือจับอะไรมาเล่นได้มากกว่านี้ แม้กระนั้นราวกับเรื่องมันหาทางลงมิได้ หาบทสรุปของความเชื่อมโยงนี้มิได้ หนังเลยแปลงเป็น “ช่างแม่ง” และก็หาทางออกให้เรื่องราวนี้ง่ายอย่างยิ่งเชียว ส่วนเรื่องที่คงจะขยายความรวมทั้งขยี้กว่านี้เป็น “หัวข้อครอบครัว” พวกเราว่าส่วนนี้ทำเป็นดียิ่งกว่าพาร์ทความรักเสียอีก บทสำหรับพูดในเรื่องบางฉากก็คิดว่าไม่ธรรมชาติ หลายฉากนี่รู้สึกแปลกๆอย่างไรชอบกลแบบเดียวกัน

ดูเหมือนกับว่าหนังแอนิเมชั่นประเด็นนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่แล้วก็เป็นผู้แทนของหนังมาร์เวลในศักราชนี้ไปเสียแล้ว รวมทั้งนี่เป็นการกลับมาสืบต่อในภาตต่อแอนิเมชั่นที่บรรลุเป้าหมายอย่างล้นหลาม

พร้อมด้วยคว้าออสการ์มาครอบครองได้แล้วใน “Spider-Man: Across the Spider-Verse สไปเดอร์แมน: ผงาดผ่านจักรวาลแมงมุม” ที่กลับมาโอกาสนี้ บอกได้เลยว่า…มาเพื่อชูมาตรฐานของตนขึ้นไปอีก

รีวิวหนัง Spider-Man: Across the Spider-Verse

สำหรับในหนัง Spider-Man: Across the Spider-Verse ยังคงจุดโฟกัสที่นักแสดง อย่าง ไมล์ส โมราเลส ตัวอย่างเช่นเดิม กับเรื่องราวบทใหม่ของการเสี่ยงอันตรายของเพื่อนบ้านที่แสนดีที่บรู๊คลิน ไปสู่มัลติเวิร์สร่วมกับ เกว็น สเตซี่ ของผองเพื่อนมนุษย์แมงมุมเพื่อเจอหน้ากับคนร้ายที่ทรงอำนาจมากกว่าที่พวกเขาเคยพบ idpokerlink รวมทั้งเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการเอาไว้ หนังออนไลน์18

ตอนที่หนังมาร์เวลฉบับคนแสดงจะต้องประจันหน้ากับแพสชั่นที่ยิ่งสร้างยิ่งท้อแท้ผู้ชมเรื่อยแม้กระนั้นฉบับแอนิเมชั่นเปลี่ยนเป็นฝั่งที่เบาๆก้าวหน้าแล้วก็รุ่งโรจน์ขึ้นอย่างน่าแปลกใจ และก็การกลับมาของ Spider-Man: Across the Spider-Verse ประเด็นนี้ก็ได้เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่า นี่เป็นหนังวีรบุรุษแอนิเมชั่นที่ตอบปัญหารวมทั้งมอบทุกๆอรรถรสให้กับผู้ชมอย่างเต็มที่ ดังหนังมาร์เวลสมัยก่อนเมื่อทศวรรษที่แล้วอย่างงั้นเลย

รีวิวหนัง Spider-Man: Across the Spider-Verse

จำต้องพูดว่านี่เป็นการผนึกกำลังที่สุดแจ๋วของดรีมทีมอปิ้งโดยความเป็นจริง เพราะเหตุว่า 3 ผู้กำกับ “เคมป์ พาวเวอร์ส”, “วาคิม ดอส ซานโตส” แล้วก็ “จัสติน ทอมป์สัน” ได้สร้างงานมาสเตอร์พีชอีกชิ้นของพวกเขาออกมาได้อีกที การผลิตและก็รูปแบบการทำงานของพวกเขาค่อนข้างจะพอดีอย่างดีเยี่ยม รู้จักลีลาท่าทางรวมทั้งจังหวะที่ดีเลิศ ร้อยเรียงออกมาเป็นหนังที่ดีทุกจังหวะตลอดทั้งความเป็นจริงๆ

และก็ยังจำต้องตบมือให้กับอีกหนึ่งดรีมทีมด้านบทภาพยนตร์ “ฟิล ลอร์ด”, “คริส ไม่ลเลอร์” แล้วก็ “เดวิด คัลลาหมูแฮม” ได้สร้างบทหนังอันดีเลิศออกมาได้น่าประทับใจอีกรอบ บทหนัง Spider-Man: Across the Spider-Verse เกือบจะไม่มีที่ว่ากล่าวเสียด้วยซ้ำ เพราะเหตุว่าเต็มไปด้วยท่าทางและก็มิติที่ดีเลิศ ขับเสน่ห์และก็รู้จักทุกอาการของทุกนักแสดง ทุกติดอยู่แรกเตอร์ในหนังประเด็นนี้ต่างมีความจำเป็นรวมทั้งสามารถเกลี่ยกระจัดกระจายบทได้คล่องแคล่ว ที่ประทับจิตใจสุดๆน่าจะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเป็นมนุษย์เข้ามาในบทอย่างเป็นจริงเป็นจัง ที่เพิ่มความกลมกล่อมให้หนังได้เพิ่มขึ้นด้วย